ม.ราชภัฏนครสวรรค์
จัดพิธีถวายชัยมงคลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และกิจกรรมจิตอาสา เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา
6 รอบ
วันที่ 25 กรกฎาคม 2567 เวลา 09.30 น.
มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ จัดพิธีถวายชัยมงคล
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว
เนื่องในมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ณ หอประชุม มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์
(ในเมือง)
โดยศาสตราจารย์ ดร.สมยศ พลับเที่ยง รักษาราชการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์
ประธานในพิธี ถวายเครื่องราชสักการะ พุ่มเงิน พุ่มทอง และเปิดกรวยดอกไม้
จากนั้นคณะผู้บริหารหน่วยงานต่าง ๆ ของมหาวิทยาลัย พร้อมผู้นำนักศึกษา
ถวายเครื่องราชสักการะ พุ่มเงิน พุ่มทอง ประธานในพิธีกล่าวถวายชัยมงคล
วงดนตรีสาขาวิชาดนตรีศึกษา บรรเลงและขับร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี
และเพลงสดุดีจอมราชา
จากนั้นประธานในพิธีนำกล่าวถวายสัตย์ปฏิญาณเพื่อเป็นข้าราชการที่ดีและพลังของแผ่นดิน
ต่อด้วยการแสดงรำถวายพระพร โดยนักศึกษาสาขาวิชาวิทยาการดนตรีและศิลปะการแสดง
และบรรเลงเพลงประกอบการแสดง โดยวงดนตรีไทย สาขาวิชาดนตรีศึกษา จากนั้นอธิการบดี
คณะผู้บริหาร และผู้ร่วมพิธีร่วมลงนามถวายพระพรชัยมงคล เพื่อแสดงความจงรักภักดี
และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ต่อมาในเวลา 11.00 น. อธิการบดี พร้อมคณะผู้บริหาร
บุคลากร และนักศึกษา ทำกิจกรรมจิตอาสา “เราทำความดี ด้วยหัวใจ” ร่วมกันทำความสะอาดบริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยา
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ
พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช
บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ 9) และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จพระราชสมภพ เมื่อวันจันทร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ.
2495 ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน
พระราชวังดุสิต
ได้มีพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เมื่อวันที่ 4
พฤษภาคม พ.ศ. 2562 ณ พระบรมมหาราชวัง
โดยทรงเฉลิมพระปรมาภิไธยตามที่จารึกในพระสุพรรณบัฏว่า
"พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ
มหิศรภูมิพลราชวรางกูร กิติสิริสมบูรณอดุลยเดช สยามินทราธิเบศรราชวโรดม
บรมนาถบพิตร พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว" และมีพระปฐมบรมราชโองการความว่า
"เราจะสืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรม
เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป" นับเป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 10
แห่งราชวงศ์จักรี
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ต่อชาวราชภัฏทั่วประเทศ โดยพระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินในการพระราชทานปริญญาบัตร
แก่บัณฑิตมหาวิทยาลัยราชภัฏทั่วประเทศ มาตั้งแต่ พ.ศ.2521 ตราบถึงปัจจุบัน
มีบัณฑิตมหาวิทยาลัยราชภัฏเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรมากกว่า 2.4 ล้านคน
โดยภายหลังจากเสด็จขึ้นทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์
รัชกาลที่ 10 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
พระราชทานพระราชวโรกาสให้อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏ 38 แห่ง เข้าเฝ้าฯ ณ
พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ.2560 โอกาสนี้
ทรงมีพระราชดำรัสว่า
” …..
ข้าพเจ้าได้ไปพระราชทานปริญญาบัตรแก่บัณฑิตมหาวิทยาลัยราชภัฏต่อเนื่องมาเป็นเวลากว่า
30 ปีแล้ว ทำให้รู้สึกมีความสุขและผูกพันกับมหาวิทยาลัยราชภัฏทั้งหลายอย่างมาก
ไปทุกครั้งก็มีความสุข อยากให้ทุกคนมีกำลังใจที่จะทำให้มหาวิทยาลัยราชภัฏของเรา
เป็นประโยชน์กับประชาชน เป็นประโยชน์ต่อภูมิภาค และท้องถิ่นจริง ๆ จัง ๆ
ในเรื่องการดำรงชีวิต ในเรื่องความรู้ทั่วไป และข้อสำคัญคือผลิตคนดี
ผลิตคนดีที่เห็นประโยชน์ต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และสังคม
คิดว่ามหาวิทยาลัยราชภัฏเป็นสถาบันที่เป็นประโยชน์และเป็นกลไกที่พัฒนาประเทศได้อย่างยิ่ง
ถ้าหากตั้งใจ ร่วมกันและคุยกันมาก ๆ จะเป็นสถาบันหลักที่พัฒนาประเทศและประชาชนได้อย่างมาก…..”
นับเป็นพระบรมราโชบายที่มหาวิทยาลัยราชภัฏน้อมนำมาปฏิบัติตาม
โดยได้น้อมนำมาจัดทำ “ยุทธศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏ”
ที่มีส่วนร่วมในการสร้างความมั่นคงของชาติ
ด้วยการยกระดับคุณภาพการศึกษาและพัฒนาท้องถิ่นในท้องที่ ตลอดจนพัฒนาครูและโรงเรียนให้มีคุณภาพ
ตามพระราชดำริ “การศึกษาคือความมั่นคงของประเทศ”
โดยเน้นด้านการพัฒนาท้องถิ่นเป็นพิเศษ ให้ทุกสถาบันทำงานเข้าถึงประชาชน
พร้อมรับทราบปัญหาความต้องการ เพื่อนำมาวิเคราะห์หาทางช่วยเหลือแก้ไข
และปรับตัวให้เหมาะสมตามสภาพและประเพณีของท้องถิ่น
“มหาวิทยาลัยราชภัฏทั้ง 38 แห่ง
ซึ่งตั้งครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ
ต่างดำเนินการตามยุทธศาสตร์และทำงานสนองพระบรมราโชบายอย่างเป็นรูปธรรม
ปฏิบัติหน้าที่ตามพันธกิจได้สมบูรณ์ตามปณิธานของมหาวิทยาลัย
ที่จะเป็นสถาบันอุดมศึกษาที่สมบูรณ์ ช่วยสร้างคุณค่าให้กับสังคมเป็นที่ประจักษ์
โดยมีมิติของมหาวิทยาลัยเพื่อพลังแผ่นดินในสามด้านคือ ท้องถิ่นมีพลัง ครูมีพลัง
และคนมีพลัง”
นับเป็นการสนองพระบรมราโชบาย “สืบสาน รักษา
ต่อยอด” แนวพระราชดำริต่าง ๆ ของ “สมเด็จพระบรมชนกนาถ”
เพื่อพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้าสืบไป